วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ห่วงโซ่สัมพันธ์ ไทย - ฉัน - ญี่ปุ่น

ห่วงโซ่สัมพันธ์ ไทย - ฉัน - ญี่ปุ่น

ผู้เขียน นางสาวภาวิตา สิทธิเวช



สวัสดีค่ะ พี่ได้รับทุนจากโครงการ Kizuna Project ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมีเยาวชนประมาณ 10,000 คนจากทวีป เอเชีย โอเชียเนีย และ อเมริกาเหนือ ได้รับโอกาสให้ร่วมโครงการระยะสั้นและระยะยาว ของพี่จะเป็นโครงการระยะสั้นค่ะ   โดยโครงการนี้ให้เยาวชนได้ไปศึกษาเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันและการฟื้นฟูของท้องถิ่นที่ประสบภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 3-13 มีนาคม 2556 โดยทางสถานทูตจะมีการทดสอบนักเรียน โดยจะรับคัดเลือกนักเรียนทุกคนที่เป็นเด็กม.ปลาย และแบ่งการสอบออกเป็น 3 กลุ่ม คือ เด็กสายศิลป์ญี่ปุ่นในโรงเรียนของสังกัด สพฐ. (ทั่วประเทศ)  จำนวน 8 ทุน (มีนักเรียนมาสอบสายนี้เยอะมากๆเลยค่ะ) เด็กจากโปรแกรมวิทย์-คณิตที่เรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นสาระเพิ่มจากโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย (ทั่วประเทศ) จำนวน 6 ทุน และ กลุ่มของพี่ คือ กลุ่มเด็กวิทย์-คณิตที่เรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นสาระเพิ่ม จากโรงเรียนมาตรฐานสากล (ทั่วประเทศ) จำนวน 5 ทุน ซึ่งกลุ่มที่ 2,3 สามารถเขียนความเรียงและสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ว่ากลุ่มที่ 1 ต้องเขียนความเรียงและสัมภาษณ์เป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ
 
 
กำหนดการเดินทางเริ่มเดินทางวันที่ 3 มีนาคม 2556 ค่ะ ตอนแรกทางโครงการก็นัดให้ไปรวมกันที่โรงแรมก่อนเพื่อแบ่งกลุ่มและประชุม ส่วนใหญ่จะอธิบายเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันที่ญี่ปุ่นค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ทิชชู่ของเขาสามารถ flush (กดทิ้งในชักโครก) ได้เลย หรือการขึ้นบันไดเลื่อน ทั่วไปต้องชิดซ้ายค่ะ ส่วนด้านขวาจะไว้สำหรับคนที่รีบ พี่อยู่กลุ่ม A โดยมีอาจารย์เบญจลักษณ์และพี่อีกหนึ่งคน ช่วงวันที่ 3-5 มีนาคม 2556 พวกพี่ได้รับฟังบรรยายเกี่ยวกับโปรแกรมที่จะต้องทำ การใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพความเสียหายและสภาพการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ.2554 จังหวัดที่พวกพี่เข้าไปให้ความช่วยเหลือในช่วงวันที่ 6-11 มีนาคม 2556  คือ  ตำบลเทนเอ จังหวัดฟุคุชิมะ ซึ่งหลายๆคนก็อาจจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดใช่ไหมคะ และที่จังหวัดฟุคุชิมะก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก มีผู้เสียชีวิตราว 2,300 คน หายสาบสูญ ราว 45 คน และได้รับบาดเจ็บอีกราว 180 คน และเนื่องจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดระเบิดขึ้น ผลเสียหายตามมานอกจากชีวิตของชาวบ้านที่นั่น พวกสินค้าต่างๆที่ได้ชื่อว่า “มาจากจังหวัดฟุคุชิมะ” ต่างก็ขายไม่ออก ผู้บริโภคไม่ต้องการซื้อเพราะกลัวสารกัมมันตรังสีที่ตกค้างในสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ผลผลิตทางเกษตรอื่นๆ เรื่องการท่องเที่ยว พอได้ยินคำว่า “จังหวัดฟุคุชิมะ” ใครๆก็ไม่อยากไป ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก นอกจากจะส่งผลเสียกับภาคเศรษฐกิจแล้ว จิตใจของชาวบ้านในจังหวัดฟุคุชิมะต่างก็ย่ำแย่มากค่ะ พวกพี่มีโอกาสได้รับฟังประสบการณ์ตรงจากชาวบ้านจากเมืองอิตาเตะ ทุกคนที่เมืองอิตาเตะเป็นคนชอบช่วยเหลือ อาชีพหลักของชาวบ้านคือ เกษตรกร เมืองนี้ตั้งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประมาณ 30 กิโลเมตร พอเกิดเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดก็ได้อพยพมาที่นี่
คนที่มาเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ให้ฟัง คือ คุณลุงมิวะ  เดิมท่านมีอาชีพทำการเกษตร แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้น ปัจจุบัน ท่านจึงยังไม่มีอาชีพ ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนเกิดแผ่นดินไหว  ท่านอยู่กับภรรยาและลูกๆ การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้แรงมาก ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน โชคดีที่เมืองอิตาเตะอยู่ที่สูงเลยไม่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ หลังเกิดเหตุการณ์ ก็มีญาติๆย้ายมาอยู่ที่บ้านของคุณลุง แต่พอได้ข่าวว่าพบสารกัมมันตรังสีในน้ำประปาจึงรีบย้ายออกไป โดยที่คุณลุงไม่ทราบว่า พวกเขาย้ายไปที่ไหน ในบ้านของคุณลุงจึงเหลือเพียง คุณลุงมิวะ ภรรยาของท่าน และลูกสะใภ้ ส่วนลูกชายคนโตของคุณลุงเสียชีวิต และลูกอีกคนนึงก็ทำงานที่ฟุคุชิมะ แต่ทว่าหลังจากนั้นลูกสะใภ้ของคุณลุงเกิดไม่สบายเลยต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ส่วนพวกท่านก็ย้ายหนีไปอยู่กรุงโตเกียว แต่อยู่ได้ประมาณ 10 วันก็คิดถึงบ้านเกิดจึงย้ายกลับมาและได้มาอาศัยอยู่ที่ตำบลเทนเอ และได้มีโอกาสไปอยู่สถานีลี้ภัย ท่านรู้สึกประทับใจมาก เพราะได้รับความช่วยเหลืออย่างดี ท่านอยากขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ พอท่านได้รับอนุญาตให้กลับไปยังเมือง อิตาเตะได้ ท่านพบว่าวิถีชีวิตแตกต่างสมัยก่อนมาก สิ่งที่ท่านกังวลก็คือ เยาวชนและเด็กๆจะกลับมาหรือไม่ ส่วนเรื่องการประปา การไฟฟ้า ไม่ค่อยมีปัญหา และพวกเราได้มีโอกาสคุยกับคุณซาโนะ อาสาสมัครที่คอยดูแลผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในบ้านพักชั่วคราว ปัจจุบันมีผู้อาศัยที่บ้านพักชั่วคราว ราวๆ 200 คน หรือประมาณ 115 ครัวเรือน แต่ส่วนใหญ่ แต่ละครัวเรือนจะมีคนชราพักอยู่คนเดียวหรือสองคน ทำให้เธอเข้าใจถึงความรู้สึกของคนแก่ ลักษณะของสมาชิกในครอบครัวนั้นจะมี 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นคุณปู่-คุณย่า รุ่นคุณพ่อ-คุณแม่ และรุ่นลูก แต่เพราะต้องหนีภัยจากภัยพิบัติ สมาชิกครอบครัวได้กระจายกันออกไป เหล่าคนชราเลยรู้สึกเหงามากเพราะขาดสมาชิกในครอบครัว แต่ก็พยายามอดทน ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกหลานก็ตาม บางทีที่บ้านพักชั่วคราวก็จะมีกิจกรรมให้นักเรียนในระดับชั้นต่างๆมาเยี่ยมเยียน พวกเขาก็รู้สึกดีใจมาก บางคนก็มีน้ำตาที่ไหลออกมาจากใจเนื่องจากความซาบซึ้ง เนื่องจากคุณซาโนะเป็นประธานในการดูแลผู้ที่มาพักในบ้านพักชั่วคราว เธอก็พยายามหากิจกรรมให้ทำ ทุกคนก็มีความสุขตลอดเวลาที่ทำกิจกรรม  แต่พอตอนกลับไปอยู่ที่บ้าน บางคนก็นอนไม่หลับ เลยเกิดโรคที่เกี่ยวกับภาวะทางจิตใจเพิ่มขึ้น ที่บ้านพักก็มีนักข่าวมาทำรายการข่าวเหมือนกัน แต่เหล่าคนชราก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสในการอธิบาย ส่วนเด็กๆก็อธิบายรายละเอียดไม่ค่อยได้ พวกเขาอยากให้รู้ว่ากัมมันตภาพรังสีนั้น น่ากลัวมากแค่ไหน ชาวบ้านทุกคนได้แต่หวังว่า ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นอีก บทเรียนที่ทุกคนได้รับจากการระเบิดในครั้งนี้คือ เดิม พวกเราแสวงหาแต่เงินและความสะดวกสบายมากเกินไป ต่อไปพวกเขาก็จะทบทวนว่าวิถีชีวิตจริงๆนั้นเป็นอย่างไร ส่วนทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้วางแผนเพื่อฟื้นฟูจังหวัดต่างๆที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและ สึนามิในครั้งนี้ เช่น การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น หน้าที่หลักของพวกเขาคือ นำน้ำประปาไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน และช่วยในเรื่องของการกู้ชีพต่างๆ สิ่งที่ยากในการปฏิบัติงานในครั้งนี้คือ ทุกคนต่างก็ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องการช่วยชีวิตจากระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้ต้องมีการวางแผน คิดว่าวิธีต่างๆเพื่อให้ทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

นอกจากหน้าที่ในการกู้ชีพแล้ว พวกเขาก็มีหน้าที่ในการทำความสะอาดเพื่อเอาสารกัมมันตรังสีออกจากสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ถนน สายต่างๆ แต่ก็ทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก เพราะสารกัมมันตรังสีก็มีตกค้างในฝุ่น หรือดินที่ชาวบ้านไว้ใช้ทำการเกษตร ทางรัฐบาลจึงหาวิธีการในการกำจัดสารกัมมันตรังสี หรือสาร ซีเซียม (Cs) โดยอาศัยสารเคมีต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน ในอากาศบริเวณนี้ มีค่าของสารกัมมันตรังสีที่น้อยมากๆค่ะ และไม่ส่งผลเสียแก่ร่างกายแน่นอน และผลผลิตทางการเกษตรของตำบลเทนเอมีความสะอาด ปลอดภัย ไม่ทำลายสุขภาพ และโดยเฉพาะข้าวที่มีความอร่อยมากๆ เพราะก่อนที่จะมีเหตุระเบิด ได้มีการประกวดข้าวที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปี ข้าวของเทนเอนั้นได้รับเหรียญทองถึง 3 เหรียญติดต่อกัน (พี่ขอการันตีว่า ข้าวของเทนเอ อร่อยมากๆค่ะ) แต่หลังจากเหตุระเบิดคนก็ไม่ค่อยอยากซื้อ พวกเราจึงได้มีโอกาสออกแบบถุงข้าวสารให้ชาวบ้าน และเป็นเครื่องหมายการันตีว่า คนไทยได้มารับประทานข้าวของตำบลเทนเอ และข้าวนี้เป็นข้าวที่ปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ ที่พี่กล้าพูดได้ขนาดนี้ เพราะทางตำบลได้มีการซื้ออุปกรณ์ที่สามารถวัดสารกัมมันตรังสีในอาหาร และผลที่ได้จากการตรวจสอบนั้น พบว่า ผลผลิตทางการเกษตรของพวกเขาปลอดภัยแน่นอนค่ะ พี่เลยอยากเชิญชวนน้องๆว่า ถ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วไปเที่ยวที่จังหวัดฟุคุชิมะ ให้น้องๆสบายใจได้เลยว่าที่นั่นทั้งสะอาดและปลอดภัย สินค้าทุกชนิดได้รับการตรวจสอบจากเครื่องวัดสารกัมมันตภาพรังสีมาแล้วอย่างดี
ข้าวของที่นั่นก็อร่อยมาก ซื้อกลับมาฝากคุณพ่อคุณแม่เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจให้ผู้ประสบภัยอย่างดีเลยค่ะ แล้วน้องๆจะติดใจ :)
 




­­

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

Global Village

Global village was written by my friend, Patsawut Rattanakarn, before he went to join "Community Development & Leadership Summit' 2011" ( the international summit ) @ Modern school Barakhamba road, New Delhi, India. And it was published in the "Future Societies - Challenge, Conflict and Change" book of this summit.

Global Village is about ... . You have to read by yourselves :) Hahaha ><

" http://www.scribd.com/doc/200417378/Global-Village "

Just Click = You can get some new ideas about it  ^__________^ 








#. One more article by me " http://whatigetwheniwent.blogspot.com/2014/01/colonial-amnesia.html " 

We got many experiences, friendship and the way of India there. We're very pleasure and happy to announce our articles to all of you. Thank you. :))

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

ชีสเคมี ม.5 เรื่องแก๊ส

ชีสชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเคมีเพิ่มเติม ระดับชั้น ม.5 ซึ่งได้สรุปเรื่องแก๊สใน 2 ประเด็นหลักต่อไปนี้

- สมบัติของแก๊ส 
- ความสัมพันธ์ของปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิของแก๊ส
> กฎของบอยล์
> กฎของชาร์ล
> กฎรวมแก๊ส
> กฎแก๊สอุดมคติ


สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ >> http://www.scribd.com/doc/200414330/Chemistry-gas-pdf

วิเคราะห์วรรณคดี เรื่องพระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี

รายงาน "วิเคราะห์วรรณคดี เรื่องพระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี" ที่นำมาโพสต์ในวันนี้ ชูก้าอยากให้เป็นแหล่งความรู้กับทุกคนเลยนะคะ โดยเนื้อหาเหล่านี้ถูกรวบรวมจากหนังสือหลายเล่มและอีกหลายเว็บไซต์ค่ะ ... รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งชูก้าเชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆคนต้องเคยเรียนในส่วนของหนังสือวรรณคดีวิจักษ์ หน่วยพระเวสสันดร กัณฑ์มัทรีกันมาบ้างแล้ว  :)

โดยรายงานนี้ชูก้าและเพื่อนๆร่วมกันจัดทำขึ้นและส่งให้กับอาจารย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราหวังว่ารายงานนี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆทุกคนนะคะ

หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยอย่างยิ่งนะคะ และขอน้อมรับทุกคำติชมเพื่อจะได้นำไปแก้ไข พร้อมทั้งเผยแพร่ใหม่เป็นความรู้ที่ถูกต้องยิ่งขึ้นให้กับเพื่อนๆคนอื่นต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^

#. คอมบางเครื่องเมื่อชม preview จะพบว่า font เละๆ อยากแนะนำให้โหลดไปอ่านในเครื่องนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

Soprano Fiddle Time : 4

Helloooooooo ... สวัสดีค่ะ วันนี้จะขอลงโน้ตเพลง (ซอด้วง) ง่ายๆ ให้เพื่อนๆได้ลองฝึกกันนะคะ

#. Trip : ในช่วงที่มีขีดลากให้เพื่อนๆลากคันซอออกไปยาวๆนะคะ จะยาวมาก ยาวน้อยก็ขึ้นอยู่กับจังหวะที่เพื่อนๆเล่น รวมถึงจำนวนขีดก่อนจะถึงโน้ตตัวถัดไปค่ะ :)  ซึ่งทั้งสองเพลงที่เอามานำเสนอในวันนี้เป็นเพลงง่ายๆที่ร้องเป็นกันอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะกะจังหวะไม่ยากกันนะคะ ^^

เพลงนี้เป็นเพลงที่เพื่อนๆ รู้จักกันดี ร้องเป็นกันตั้งแต่อนุบาลเลยทีเดียว ฮ่าๆ

ช้าง :
ซซซ-   -ซ-ซ  ซมรม  --ซด   --ซม   รมดร  -ด-ล  -ด-ด
-ซลด   --ดล   -ด-ด   -ซลด   -ซ-ล   ซมรด



และอีกเพลงนึงนะคะ เป็นเพลงประจำวันสำคัญวันหนึ่งของไทยเลยล่ะค่ะ :)

ลอยกระทง :
-ซ-ซ   --มซ   -ล-ด   ---รํ   --ดล   ---ซ   ---ม   ---ซ  
ล-ด-   ---ล     -ด--    --ซล  --ดร   --ดล   -ซ-ซ  ---ด
---ด    --ดด    ----     ---ซ  ---ซ    -ซ-ซ  ---ด   --ดด
---ร    ---ม     --มร    --ดล  --ซล   --ดร   ---ม   --ม-
--มม   ----     ---ด     ---ด    -ด-ด  ---ด   --ลซ   --ลด
--ลด   ---ด    --ลซ    --ลด  --ลด

Colonial Amnesia

This article was written before I went to join "Community Development & Leadership Summit' 2011" ( the international summit ) @ Modern school Barakhamba road, New Delhi, India. And it was published in the "Future Societies - Challenge, Conflict and Change" book of this summit.

I chose this topic because I thought it's important thing that everyone should to realize. Every countries used to have many interesting histories. So, we should to learn them and be thankful our ancestors who sacrificed themselves for us today. Lastly, love your motherland very very much. Thank you :)


..... Colonial Amnesia ..... 
Petcharat Jitnarong, Benjamarachuthit Pattani School, Thailand


Colonialism refers to alien or foreign political rule or control imposed on the people of the ‘colony’. Colonialism can take many forms – it can be political, legal, economic, cultural or social. A method by which several foreign states explored, conquered and exploited large tracts of foreign land – and maintained this control over people who eventually ceased to control their own territories, resources and national destiny.


World history is full of cases in which one society gradually expanded by incorporating adjacent territories and ultimately settled down in these newly conquered territories. Nevertheless, in the sixteenth century, colonialism changed decisively because of technological developments in navigation that gave access to more remote parts of the world. Fast sailing ships made it possible to reach distant ports and to maintain close ties between the colonizer and its colonies. Thus, the modern European colonial ‘project’ emerged when it became possible to move a large number of people across the oceans and to maintain political sovereignty in spite of geographical dispersion.

The colonies are arrogated by the superpowers. A colony is very much like an underdog – which has to bear misery and oppression, and must follow the commands of others. In that context, my neighboring countries – nearly all of them were colonized at some time or the other. But on the other hand, there are many countries that have not been colonized. And of course, one of them is Thailand – my motherland.

It was my belief that countries which were under the authority of another, though browbeaten, eventually achieved some progress. But I have realized that these colonies had to struggle and overcome great difficulties. Loss of independence and its pain is what these colonies had to endure.

Although Thailand has never been colonized, that does not mean that we have never felt the anguish associated with colonization. Today, we face a tumultuous problem in our country and constant fighting, which we have tried to fix. Some people might believe that we were lucky since we haven’t faced colonization. But I think that because of this reason, Thai people do not love their country fully.

Our predecessors sacrificed their lives for the welfare of their land. In the colonialism era, for our Thai ancestors, the important idea was to ‘defend the country for future generations’, even if that meant the loss of some land in order to save most. As Buddha taught us – ‘we have to sacrifice treasures to preserve organs and we have to sacrifice organs to preserve life’ – which means that the sacrifice of some outer provinces was necessary for the protection of the nation’s heart. We must learn from history the lessons of life.

In conclusion, I would like to say that there is a long-standing myth that Thailand was never colonized. Siam (The old name of Thailand) was being squeezed from the west by the British and from the east by the French. Siam had to give up large chunks of land in exchange for its territorial integrity. Only the middle core of Siam was unoccupied. You will notice that Thai people always smile at you when you come to Thailand – naturally because it is ‘The Land of Smile’.

You can download for PDF free >> http://www.scribd.com/doc/200410997/Colonial-Amnesia

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

Soprano Fiddle Time : 3

How to play Soprano Fiddle ...

     หลังจากที่เรารู้จักหน้าค่าตาของซอด้วงกันไปแล้วนะคะ วันนี้เราจะมาเริ่มดูโน้ตของซอด้วงกันค่ะ ความจริงแล้วนะคะ โน้ตดนตรีไทยกับสากลก็คล้ายๆกันค่ะ เพราะต่างก็ใช้เสียง โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ สัญลักษณ์ของตัวโน้ต ตัวโน้ตสากลจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ลึกกว่า ซึ่งผู้ที่เล่นดนตรีสากลได้ ชูก้าต้องขอซูฮกจริงๆค่ะ ^^
     ส่วนดนตรีไทยนั้นโดยเฉพาะซอด้วงเรามีการบังคับเสียง บังคับการกดนิ้วเพียงแค่ไม่กี่ตำแหน่งบนสายซอ (ความจริงแล้วในระดับ advance จะมีการเพิ่มเทคนิคในการเล่นต่างๆหรือการไล่เสียงให้สูงขึ้นด้วยการกดนิ้วในตำแหน่งที่ต่ำจากระดับปกติ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญมาก)



หลังจากอารัมภบทมายืดยาว ชูก้าก็ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน

เวลาเพื่อนๆจับซอนะคะ ให้จับคันชักตามรูป ซึ่งเราจะสังเกตสายซอ 2 สายซึ่งก็คือ สายทุ้ม (สายที่อยู่ด้านใน) และสายเอก (สายที่อยู่ด้านนอก)

ก่อนอื่นเราต้องตั้งสายก่อนนะคะ ซึ่งแรกๆจะลำบากหน่อย ถ้าเพื่อนๆเคยเรียนเรื่องบีตส์มาแล้วจะทราบว่าการเทียบเสียงคือเราต้องให้เสียง 2 เสียงที่เปรียบเทียบกันมีความถี่เท่ากัน

 การเทียบเสียงซอด้วง
         ใช้ขลุ่ยเพียงออเป่าเสียง ซอล โดยการปิดมือบน และ นิ้วค้ำ เป่าลมกลาง ๆ ก็จะได้เสียง ซอล ขึ้นสายทุ้มของซอด้วง ให้ตรงกับเสียงซอลนี้ ต่อไปเป็นเสียงสายเอก ใช้ขลุ่ยเป่าเสียง เร โดยปิดนิ้วต่อไปอีก 3 นิ้ว เป่าด้วยลมแรง ก็จะได้เสียง เร ขึ้นสายเอกให้ตรงกับเสียง เร นี้


เวลาสีแรกๆ ให้พยายามท่องไว้ว่า "สายในสีออก สายนอกสีเข้า" ให้ลองสีตามคำพูดนี้ดูนะคะ

ส่วนตำแหน่งโน้ตคือ
สายทุ้ม (สายที่อยู่ด้านใน)
- สีสายเปล่า >> ซอล (ซ)
- กดนิ้วชี้และสีสายใน >> ลา (ล)
- กดนิ้วกลางและสีสายใน >> ที (ท)
- กดนิ้วนางและสีสายใน >> โด (ด)
- กดนิ้วก้อยและสีสายใน >> เร (ร)

สายเอก (สายที่อยู่ด้านนอก)
- สีสายเปล่า >> เร (ร)
- กดนิ้วชี้และสีสายนอก >> มี (ม)
- กดนิ้วกลางและสีสายนอก >> ฟา (ฟ)
- กดนิ้วนางและสีสายนอก >> ซอล (ซํ)
- กดนิ้วก้อยและสีสายนอก >> ลา (ลํ)




การสีซอ
    วางคันสีไว้ด้านใน ให้อยู่ในลักษณะเตรียมชักออก ค่อยๆลากคันสีออกให้เกิดเสียง ซอล
จนสุดคันชัก แล้วเปลี่ยนเป็นสีเข้าในสายเดียวกัน (ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะคล่อง)
พอซ้อมสายในคล่องดีแล้ว จึงเปลี่ยนมาสีสายเอกซึ่งเป็นเสียง เร โดยการใช้นิ้วนางกับ
นิ้วก้อยมือขวา ดันคันสีออก ปฏิบัติจนคล่อง ฝึกสลับให้เกิดเสียงดังนี้

คันสี ออก เข้า ออก เข้า
เสียง ซอล ซอล เร เร

ข้อควรระวัง ต้องวางซอให้ตรง โดยใช้ข้อมือซ้ายควบคุม อย่าให้ซอบิดไปมาได้

จากนั้นอาจใช้วิธีไล่เสียงทีละ 3 ตัว เพื่อให้สมองเกิดการจดจำเสียงของตัวโน้ต เช่น
(เริ่มจากสายใน) ซอล ลา ที , ลา ที โด , ที โด เร ,(เรตัวที่ 2 คือสายนอก) เร เร มี , เร มี ฟา , มี ฟา ซอล , ฟา ซอล ลา ... จากนั้นก็ย้อนกลับ แบบนี้ก็ฝึกไปเรื่อยๆเช่นกันค่ะ :)